เหตุเป็นต้น.. ผลเป็นอันตราย.

เราจะหา เหตุผล ต้นทางสาเหตุของการเกิดโรค ที่พี่ๆน้องๆ เพื่อนๆ เป็นโรคจรมาเยี่ยมเยียน หรือโรคประจำตัว ซึ่งเป็นกันมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะท่านชาย ช่วงอายุวัย 50+ ซึ่งเห็นได้มาก ตามโรงพยาบาล ที่ท่านเหล่านั้นต้องเทียว เข้าออกโรงพยาบาล มีมากขึ้นทุกๆวัน
ข้อคำนึง!.. บทความนี้ ได้เพิ่มความเห็น ส่วนตัว และเรียงร้อยส่วนหนึ่ง จากประสพการณ์ ชีวิตจริง บางช่วงตอน ของผู้เขียน และเรื่องราวขางคนใกล้ตัว รวมการมองเป็นข้อคิดเห็นจากชนใช้แรงงาน และเกษตรกร เป็นมุมมองผู้เขียน ชึ่งหลายท่านอาจมองต่างออกไป
คนช่างวัย 50+ 80 ป่วยกันมากด้วยโรคทางเดินปัสสาวะ ไต มะเร็ง ความดันโลหิต เบาหวาน หลายๆโรค แต่ละโรคที่ป่วยแล้ว มักเป็นอาการโรค ที่สัมพันธ์กัน หลายๆโรคพร้อมกันทั้งสิ้น ตัวอย่าง หากเป็นเกี่ยวกับเลือด จะเป็นความดัน -โลหิต จาง - หัวใจ -ไตมีปัญหา- เบาหวาน- เก๊าท -ที่สุดถึงมะเร็ง ( ที่พูดมานี้ พ่อผมเป็นครบทุกตัว ส่วนอาการไม่ต้องพูดถึง ) หากเป็นโลหิตจาง ก็ตัวชีด ต้องรับเลือด และน้ำเกลือเบื้องต้น ให้แล้วหัวใจเต้นผิดจังหวะไป หากมีความดันเสริม อาการเต้นกหัวใจ็เร็วขึ้น กินอยู่ระงับ อาการไตก็เกิดทำงานหนัก การกินอาหารก็ เริ่มมีปัญหา เบาหวานแสดงอาการ กินยาเพิ่ม ไตทำงานหนักอีก พอปวดกินยาระงับปวด ไตอีกละทำงานหนัก ช้ำร้ายมะเร็งตต่อมลูกหมาก ทำให้มีอาการปวดเพิ่มขึ้น ต้องกินยาระงับเพิ่มอีก พอกินยาแก้ปวดถ่ายไม่ออกอีก รวมๆ กินยาต่อครั้ง มากกว่า 7 เม็ด แล้วคิดดูท่านไตมิพังหรือ อาการปวดต่อเนื่อง บวมตามขา สันหลัง ข้อต่อ ฉี่ติดขัด ต้องสอดท่อ - แต่ช่วงนี้งดกินยาระงับปวด หันมาใช้มอร์ฟีน ตามแพทย์สั่ง ในบางครั้งที่มีอาการปวดปานกลาง+ถึงรุนแรง
ถึงช่วงนี้หันมาใช้ยาสมุณไพรทางเลือก พักพื้นที่บ้าน ผมและพีๆ น้อง ไม่คิดเรื่องหายหรอก คิดเพียงให้ท่านไม่ทุกร์เวทนามากเท่านั้น ตัวท่านเองก็ปลงอยู่แล้ว ตอนนี้ 81+ หากอาการไม่กำเหริบก็เดินได้ปกติ ก็เพียงให้ท่านอยู่เพื่อปฏิบัติธรรมภาวนาเพื่อให้ถึง... สิ่งที่ยังไม่ถึง ตามคำสอนของพระศาสดา.
ทีนี้เข้าเรือง เหตุเป็นต้น.. ผลเป็นอันตราย...เมือเหตุต้นมันมี ปลายทางต้องเป็นผล ธรรมดา "ข้อคำนึง..หลายท่านที่เป็นชั้นชน ที่เลยจากที่กล่าวถึง ท่านอาจมองต่างออกไป จากความเห็นนี้ " ชีวีตอยู่กินเป็นของ ชนใช้แรงงาน และเกษตรกร ทุกๆวันในการใช้ชีวิต และการทำงานมีข้อเกี่ยวพันกับความเสี่ยง ที่ก่อเกิดโรค ไดโรคหนึ่ง ขึ้นกับตัวเขา ในอนาคต ทำไมถึงกล่าวหนักอย่างนั้น หลายๆข้อที่พวกเขามองข้าม หรือเหตุผลว่าหมดทางเลือก ขาดข้อเฉลียวใจในข้อควรจะปฎิบัติ เพียงคิดสั้นๆว่า สิ้นเปลือง หรือไม่เป็นไร ป้องกันแคานี้ก็ดีแล้ว..
กล่าวถึงผมเอง เคยเป็นแบบทั้งสองอย่าง เป็นทั้งชนที่เคยรับจ้างใช้แรง และทักษะ เชิงช่างชำนาญของตัว สมัยที่ทำงาน ตัวอย่างผสมปูนนี้เราก็ไม่มี อุปกรณ์ ปิดจมูกหรอก หากผงปูนมันฟุ่งมา อั้นลมหายใจเอา อั้นไม่ไหว ก็เข้าปอดฟืดหนึ่งประมาณนี้ หากเชื่อมเหล็ก สวมแว่นก็โอเคแล้ว ถุงมือ บางครั้งสวม บางครั้งก้ไม่ต้อง คิดว่าแป๊บเดียว ส่วนแนวปฎิบัติ ก็หลบเหนือลม หลบไป หลบมาหลบไม่พ้น ก็สุดเข้าปอดฟืดหนึ่งประมาณนี้ หากต้องเจาะ ปูน หรือเหล็ก ก็ใช้เสื้อ หรือผ้าขาวม้าปิดบ้างก็ช่วยได้อยู่ จะงานไม้ หรือนอกเหนื้แต่นี้ก็ แล้วแต่ว่ามพอหาไดที่ป้องกัน
พอมาเป็นชาวสวน บทบาทเกษตร ต้องใช้ยาฉีดพ่น ลงปุ๋ย ให้ปุ๋ยโดยมากจะมีแค่ถุงมือสวมบ้าง ไม่สวมบ้าง ปิดจมูกก็เหมือนกัน ส่วนพ่นยา สวมอุปกรณ์ป้องกัน ทุกส่วน แต่ก็ไม่สนิท เนือ่งจากยามีกลิ่น และไม่กลิ่น เวลาฉีดพ่น ก็ใต้ลมบ้างทวนลมบ้างตามสถานการณ์ ถามว่าโดนยาไหม โดน ไม่ว่าจะฉีดเหนือศีสระ หรือฉีดพ่นตามพื้น ( ยิ่งพวกรับจ้างฉีดยา พ่นยา งานดี เงินดี ผมพยากรณ์ให้เลย 7-10 ปี น๊อค เห็นมามากว่า 10 ราย ด้วยระบบเลือดเป็นพิษรุนแรง หาหมอเร็วส่วนมาก รอดครึ่ง ที่รอดแต่ไม่สมบูรณ์ อายุมากขึ้น มีโอกาสนอนติดเตียง ก็อย่างที่กล่าวข้างต้น ) พอสังเขป
ด้วยเหตุ ที่ชนเหล่านี้ พอเริ่มทำงานจะเผชิญกับความเสี่ยงหลายๆด้าน ที่ขาดการเอาใจใส่ เพียงเพราะความเห็นว่า ไม่เป็นไรน่า ..!
* มองภายนอก เช่น เครื่องสวมอุปกรณ์ ป้องกัน ภายนอก ในการทำงาน ...(โดยมากละเลย )
* มองภายใน คิดผิด และไม่สนใจ เครื่องป้องกันสวมป้องกัน ผงฝุ่น ละอองกลิ่น ฟุ่งเข้า ภายใน ...(โดยมากละเลย )
สองปัจจัยนี้เป็น สุขอนามัยการรับของ ทีเป็นผลนำพิษ สู่ร่างการได้โดยตรงและโดยอ้อม สิ่งของที่เป็นพิษต่อร่างการจะแสดงทันที หากเป็นพิษมากพอต่อร่างกาย หากมีน้อยจะเกิดการสะสม นี้ปัจจัยหนึ่ง เราจะเห็น เหตุของปัจจัยสะสมก็ต่อเมื่อ เรามีอายุ เข้าวัย 50+ ขึ้นไป และบวกกับปัจจัยที่จะกล่าวนี้ เป็นตัวเสริม ว่าสาเหตุของโรคที่เป็นอยู่เกิดจาก พฤติกรรมไดที่เรา เกี่ยวข้อง และปฎิบัติกับมันเป็นเวลายาวนาน ช่วงวัยของชนเหล่านี้ 20+ เรื่อยมา และคนเหล่านี้มีพฤติกรรม การกินใช้ชีวีต อย่าง่ายๆ ไม่เป็นไร มองว่าเป็นธรรมดา อยากทำก็ทำแบบเสี่ยงๆ อยากกินอะไรก็กิน แบบเสี่ยงๆ ตายไปไม่ได้กิน ประมาณนี้
( ไม่ได้มองหรือคิดว่าถ้าเป็นโรคมันไม่ตายทันทีนะชิ มันต้องทนทุกร์เวทนา ทรมานนานปี มีโอกาสนอนติดเตียง ด้วยการเบียดเบียของโรคต่างๆ) ด้วยกินอยู่เน้นท้องอิ่มให้มีกำลังที่จะทำงาน ชอบกินของปรุงแต่ง พิสดาร ดิบๆ สุกๆดิบ รสจัด ทอด ปิ้งย่างเป็นมัน หรือเครื่องในสัตว์บ่อยครั้ง อาหารจึงเป็นเหตุปัจจัยหนึ่ง ( ตัวอย่างพ่อผม ราว30+ หรือก่อนนั้น ทำงานหนักมากเกินกำลังการแบกหาม ฉีดพ่นยาแบเสี่ยง อุปกรณืป้องกันน้อย เป็นคนชอบกินอาหารปรุงดิบ เช่นลาบ เนื้อ ปลา ประมาณนี้ ไข่แมลงดิบๆ ปลาดองดิบ-ปลาจ่อมภาษาเหนือ) และปัจจัยเสี่ยงมากขึ้นอีกคือ ชนเหล่านี้ชอบดื่ม เครื่องดื่มกระตุ้นกำลัง เป็นประจำ ชึ่งมี่สารเสพติดที่เป็นพิษสะสมต่อร่างการ อีกทั้งเวลาพักงานเป็นช่วงก็นิยมสูบบุหรี่ด้วย หลังเลิกงาน มีความเห็นผิดอีกว่า ต้องแก้อาการคั้นเนื้อคั้นตัวด้วยของมึนเมาอีก ซึ่งของมึนเมาเหล่านี้เป็นสาเหตุสำคัญ ด้วยชนชั้นแรงงานจะนิยมดื่มของมึนเมา ที่มีการผสมที่มีความหลากหลาย เป็นอัตราย ต่อไตโดยตรง โดยเฉพาะของเถื่อนที่กลั่นกินกันเองตามชนบท ( ท่านคิดต่อเอาเองนะ..ว่ามีอย่างที่พูดไหม)
มูลเหตุจาก ข้างต้นโดยสังเขป ท่านอ่านถึงตรงนี้แล้ว ท่านก็ลองคิดตามแบบของท่านได้ พอระลึกได้ หากท่านเคยทำแบบที่เป็นอยู่ ในกลุ่มคน สองกลุ่มนี้ ถ้าจะวัดความเสี่ยงสองกลุ่มนี้ อย่างไหนมากกว่า กล่าวยากอยู่ ขึ้นอยู่แต่ละบุคคลทีทำการละเลย ข้อควรทำ ชำ้ร้ายกว่าจะคิดถึงข้อนี้ได้ ก็ล่วงเลยวัยมามากแล้ว 50+
ถามว่าถ้านอกเหนือจากสองกลุ่มนี้ความเสี่ยงทำให้เกิดโรคต่อตัวเราในอนาคตมีไหม ผมฟันธงให้เลย มี ทุกวันนี้ เหตุผลทุกวันคุณอ้าปากปิ้งย่าง กินหมู กินไก่ กินปลา ของที่ได้มามันจากธรรมชาติหรือเปล่า ผลไม้เป็นเคมีทั้งระบบ แม้นแต่ปลูกด้วยระบบไอโดร น้อยมากที่เป็นพืชอินทรีย์ ถึงมีคนไทยก็หมดกำลังซื้อ ( พอสังเขป)
ผมแนะนำพืชผัก สามสีตัวควรกิน หาง่าย เคมีน้อย บำรุงรักษา ตับ ไต และระบบขับถ่าย รวมถึงสารบางชนิด ต้านการก่อตัวของเชื้อมะเร็งด้วย ด้วยคุณลักษณะเฉพาะของพืช การกินพืชผักต้องกินมาก่อนนะไม่ใช่เป็นโรคแล้ว มารีบเร่งกิน หากโรคมันเลยระดับไปแล้ว ก็ยากที่จะฟื้นฟู หรือฟื้นได้ก็ช้านะครับ
*ผักเชียงดา มีการวิจัยแสดงว่าพืชชนิดนี้เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณ ช่วยลดระดับน้ำตาล ปรับอินชูลิน ส่งผลดีต่อตับ ไต และเซลล์กล้ามเนื้อของสัตว์ที่เป็นโรคเบาหวานได้ ช่วยรักษาโรครูมาตอยด์และโรคเก๊าท์ได้ ( อาหารที่กิน ควรเลี่ยง เครื่องในสัตว์) ด้วยคุณลักษณะเฉพาะของพืช มีสารที่มีฤทธิ์ทาง เภสัชวิทยา ได้แก่ กรดจิมเนมิค (Gymnemic acid) อ่านเพิ่มเติม...ผักเชียงดา
*กระเจี๊ยบเขียว กลูตาไทโอน ซึ่งมีบทบาทส าคัญในการควบคุมสารอนุมูลอิสระในร่างกาย การสร้างสาร ซ่อมแซมเซลล์ และทำปฏิกิริยาขจัดสารพิษที่เกิดในร่างกาย ช่วยต้านมะเร็งได้เป็นอย่างดี ปัจจุบัน นิยมใช้สารนี้เพื่อให้ผิวขาวขึ้น เพราะกลูตาไทโอน ช่วยในการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ที่มีประโยชน์ (พรีไบโอติกแบคทีเรีย)ในลำไส้ใหญ่ ซึ่งจะช่วยลดปริมาณพิษที่ ผลิตจากแบคทีเรียที่ไม่มีประโยชน์ ที่อาศัยอยู่บริเวณ ลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย .
*ตำลึง..ผักสวนครัวลดเบำหวำน ในตำรายาพื้นบ้านของไทย มีการใช้รากตำลึงแก้ดวงตาเป็นฝ้า แก้โรคตา ดับพิษทั้งปวง แก้ไข้ทุกชนิด แก้เบาหวาน ส่วนของต้นใช้กำจัดกลิ่นตัว น้ำจากต้นใช้รักษาเบาหวาน ส่วนของใบใช้แก้ไข้ ดับพิษร้อน ถอนพิษ ทั้งปวง แก้คัน แก้แมลงกัดต่อย เป็นยาโรคผิวหนัง แก้เบาหวาน
* ผักโขม ผักโขม มีสรรพคุณช่วยลดคอเรสเตอรอล ทำให้ไขมันในเลือดลดลง บำรุงเลือดเป็นอย่างดี ช่วยกำจัดสารพิษในร่างกาย ชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ต่างๆ สารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งได้ โดยเฉพาะ มะเร็งปอด และมะเร็งเต้านม ช่วยบำรุงสายตา ช่วยบำรุงผิว และรักษาโรคเลือดออกตามไรฟัน. ส่วนข้อมูล การประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม ผมมีลิงค์ศึกษาเพิ่มเติม...

*อันนี้แถม • ไม่แนะนำให้ใช้เป็นผลิตภัณฑ์กัญชา เป็นการรักษาเริ่มต้น กัญชา การใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาเพื่อจัดการความปวดในผู้ป่วยได้รับการดูแลแบบประคับประคอง หรือผู้ป่วยใน วาระสุดท้ายของชีวิต (end of life) ซึ่งเป็นการตัดสินใจของผู้รักษา มีข้อแนะนำดังนี้
• ผู้ป่วยที่ได้รับยาแก้ปวดอย่างสมเหตุผลแล้วยังมีอาการปวดมาก ทั้งที่ยาแก้ปวดที่ได้รับอยู่ในปริมาณที่ เหมาะสมแล้ว
• แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์กัญชาเป็นการรักษาเสริมหรือควบรวมกับวิธีการรักษาตามมาตรฐาน
(หลายๆคนอาจมีความเห็นว่า เออคนเราเกิดมามันต้องตาย ก็ใชอยู่ไม่เถียงมันตายเป็นธรรมดา แต่ก่อนจะตายถ้าอารมณ์มันทุกร์เจ็บปวดเวทนามากๆ วาระสุดท้ายของชีวิตซึ่งเป็นอารมณ์ อกุศล เสียด้วยชิ จิตดับไป มันจะไปอบายภูมิ เอานา ดังที่พระศาสดากล่าวไว้ ดังนี้

" ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าบุคคลย่อมคิดถึงสิ่งใดอยู่
ย่อมดำริถึงสิ่งใดอยู่
และย่อมมีจิตฝังลงไปในสิ่งใดอยู่
สิ่งนั้นย่อมเป็นอารมณ์
เพื่อการตั้งอยู่แห่งวิญญาณ

เมื่ออารมณ์มีอยู่
ความตั้งขึ้นเฉพาะแห่งวิญญาณ ย่อมมี
เมื่อวิญญาณนั้นตั้งขึ้นเฉพาะ เจริญงอกงามแล้ว
ความเกิดขึ้นแห่งภพใหม่ต่อไป ย่อมมี
เมี่อความเกิดขึ้นแห่งภพใหม่ต่อไปมีอยู่
ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกขะ
โทมนัส อุปายาสทั้งหลายย่อมเกิดขึ้นครบถ้วน
ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้ " ) - ( บาลี – นิทาน. สํ. ๑๖/๗๘/๑๔๕ )
ธรรมะกับชีวิต อริยสัจจากพระโอษฐ์
คามณิ ! เพราะเหตุว่า ...
ถึงแม้เขาจะเข้าใจธรรม ที่เราแสดงสักบทเดียว
นั้นก็ยังจะเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล
และความสุขแก่ชนทั้งหลายเหล่านั้น ตลอดกาล
( บาลี - สฬา. สํ. ๑๘/๓๘๙/๖๐๕ )
หากคุณมีคนที่รัก เป็นแบบข้างต้น ควรทำอย่างไร ฟัง...
เสียงธรรมจากหลวงพ่อไพศาล วิสาโล