ขุมทรัพย์ จากพระโอษฐ์

พุทธวจน ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์

สวัสดีครับ หลายเรื่องราว ที่เต็มอยู่บนโลกใบนี้ มีมากมาย ตามเหตุ ตามปัจจัยที่เกิด ล้วนแต่เป็นสิ่งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าเห็นมาหมดแล้ว หนังสือหลายๆเล่ม ที่ผมเคยอ่านมาตลอดที่มีเล่มสนใจ ว่าดีแล้ว หมดค่าหมดราคาไปเลย เมื่อมาอ่านคำของ ตถาคต ( คำพระพุทธเจ้าที่เป็นอกาลิโก) ( คำว่า อกาลิโก หมายความว่า พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้นให้ผลแก่ผู้ปฏิบัติ โดยไม่จำกัดกาลเวลา ไม่ขึ้นกับกาลเวลา ) คำในหนังสือที่แต่ง เป็นความเห็น วิจิตรเหล่านั้นมันไม่อกาลิโก เปลี่ยนเร็วตามวิถีแห่งโลโก ที่หมุนเปลี่ยนเวียนไป รู้วันนี้ ไม่นานความรู้นั้น ใช้ไม่ได้อีกต่อไปในกาลหน้า.
แต่นี้ไปผมจะยกคำของพระศาสดา มานำเสนอ เป็นบทพระสูตร ตอนๆไปครับ แด่..ท่านที่สนใจ
ผมไม่สามารถเปลี่ยน หรือแต่งคำเพิ่มเติมได้ พระพุทธองค์ตรัสอย่างไร แปล ออกมาอย่างไร ก็เป็นคำนั้นเลย
(คำชี้ชวน ! คำของพระพุทธเจ้า เป็นข้อความลึก ชั้นโลกุตร ควรอ่านช้าๆ และหลายๆเที่ยว เพื่อความเข้าใจ )
ผมจะมีลิงค์ ส่งให้ไปอ่านฉบับเต็มให้ด้วยครับ และตรวจคำตามข้อสงสัยของท่าน มีข้อบาลีให้ด้วย ค้นตรวจได้

การถูกแทงด้วย “หอก”๑

ภิกษุ ท. ! พวกเธอทั้งหลาย จักตัดสินเนื้อความสองข้อนี้ ว่าอย่างไหน จะดีกว่ากัน คือ การที่ถูกบุรุษมีกำลังแข็งแรง แทงเอาที่หว่างอกด้วยหอกอัน คมกล้าทาน้ำมันทำให้ลื่น กับ การรับการไหว้ของพวกกษัตริย์มหาศาล หรือ พราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล ?
    ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! การรับการไหว้ของพวกกษัตริย์มหาศาล หรือพราหมณ์มหาศาล หรือ คฤหบดีมหาศาล นั่นแหละดีกว่า ; เพราะว่าการที่ถูกบุรุษมีกำลังแข็งแรง แทงเอาที่หว่างอกด้วย หอกอันคมกล้าทาน้ำมันทำให้ลื่น นั่นเป็นความทุกข์ ทนได้ยาก พระเจ้าข้า”.
ภิกษุ ท. ! เราจักบอก เราจักอธิบายแก่พวกเธอทั้งหลายให้เข้าใจ : การที่ถูกบุรุษมีกำลังแข็งแรง แทงเอาที่หว่างอกด้วยหอกอันคมกล้าทาน้ำมัน ทำให้ลื่น นั่นต่างหาก เป็นการดี สำหรับคนซึ่งเป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่ ลามก ไม่สะอาด มีความประพฤติชนิดที่ตนเองนึกแล้วก็กินแหนงตัวเอง มีการ กระทำที่ต้องปกปิดซ่อนเร้น ไม่ใช่สมณะก็ปฏิญญาว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่คน ประพฤติพรหมจรรย์ ก็ปฏิญญาว่าประพฤติพรหมจรรย์ เป็นคนเน่าใน เปียก แฉะ มีสัญชาติหมักหมม เหมือนบ่อที่เทขยะมูลฝอย. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?
    ภิกษุ ท. ! เพราะว่า การที่เขาจะต้องตายหรือได้รับทุกข์เจียนตาย เนื่องจากเหตุที่เขาถูกบุรุษมีกำลังแข็งแรง แทงเอาที่หว่างอกด้วยหอกอัน คมกล้าทาน้ำมันทำให้ลื่น หาได้เป็นเหตุให้เขาต้องเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ภายหลังแต่ความตาย เพราะการทำลายแห่งกาย ไม่ ;
ส่วนการที่เขาเป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่ลามก ไม่สะอาด มีความประพฤติ ชนิดที่ตนเอง นึกแล้วก็กินแหนงตัวเอง มีการกระทำที่ต้องปกปิดซ่อนเร้น ไม่ ใช่สมณะก็ปฏิญญาว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่คนประพฤติพรหมจรรย์ ก็ปฏิญญาว่า ประพฤติพรหมจรรย์ เป็นคนเน่าใน เปียกแฉะ มีสัญชาติหมักหมม เหมือนบ่อที่ เทขยะมูลฝอย, แล้วยัง (มีความคิดที่จะ) รับการไหว้ของพวกกษัตริย์มหาศาล หรือพราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาลนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่ เกื้อกูลแก่เขาตลอดกาลนาน
ภายหลังแต่ความตาย เพราะการทำลายแห่งกาย เขาย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก.

*** หมวดที่ ๑ ว่าด้วยการทุศีล
คำว่า - ภิกษุ ท. ! " อ่านว่า" ภิกษุ ทั้งหลาย
๑. บาลี พระพุทธภาษิต สตฺตก. อํ. ๒๓/๑๓๑/๖๙, ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ที่โคนไม้แห่งหนึ่ง ในเขตประเทศโกศล.
อ่านเพิ่มเติม..ขุมทรัพย์ จากพระโอษฐ์
ขุมทรัพย์ จากพระโอษฐ์ เพื่อเป็นกำลังใจและแนวทาง แด่เพื่อนสัตว์ผู้ขุดค้นขุมทรัพย์ เป็นคำชี้ขุมทรัพย์ที่ตรัสเอง ไม่มีคำเรียบเรียงของผู้แต่งคละปน เพราะเป็นที่รวบรวมเฉพาะพระพุทธวจนะ ที่ตรัสขนาบและ ชี้ชวนไว้ด้วยพระองค์เอง

จีวรที่ลุกเป็นไฟ๑

ภิกษุ ท. ! พวกเธอทั้งหลาย จักตัดสินเนื้อความสองข้อนี้ ว่าอย่างไหน จะดีกว่ากัน คือ การที่ถูกบุรุษมีกำลังมหาศาลเอาแผ่นเหล็ก อันร้อนเป็น เปลวไฟลุกโพลงมีแสงโชติช่วง มานาบเข้าที่กาย กับ การนุ่งห่มจีวร ที่ พวกกษัตริย์มหาศาล หรือพราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล ถวาย ด้วยศรัทธา ?
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! การนุ่งห่มจีวร ที่พวกกษัตริย์มหาศาล หรือพราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล ถวายด้วยศรัทธา นั่นแหละดีกว่า ; เพราะว่า การที่ถูกบุรุษมีกำลังแข็งแรง เอาแผ่นเหล็ก อันร้อนเป็นเปลวไฟลุกโพลง มีแสงโชติช่วง มานาบเข้าที่กาย นั่นเป็นความ ทุกข์ ทนได้ยาก พระเจ้าข้า”.
ภิกษุ ท. ! เราจักบอก เราจักอธิบายแก่พวกเธอทั้งหลายให้เข้าใจ : การที่ถูกบุรุษมีกำลังแข็งแรง เอาแผ่นเหล็ก อันร้อนเป็นเปลวไฟลุกโพลง มีแสงโชติช่วง มานาบเข้าที่กาย นั่นต่างหาก เป็นการดี สำหรับคนซึ่งเป็น คนทุศีล มีความเป็นอยู่ลามก ไม่สะอาด มีความประพฤติชนิดที่ตนเองนึก แล้วก็กินแหนงตัวเอง มีการกระทำที่ต้องปกปิดซ่อนเร้น ไม่ใช่สมณะก็ ปฏิญญาว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่คนประพฤติพรหมจรรย์ ก็ปฏิญญาว่าประพฤติ พรหมจรรย์ เป็นคนเน่าใน เปียกแฉะ มีสัญชาติหมักหมม เหมือนบ่อที่ เทขยะมูลฝอย. ข้อนั้นเพราะเหตุไร ?
ภิกษุ ท. ! เพราะว่า การที่เขาจะต้องตายหรือได้รับทุกข์เจียนตาย เนื่องจากเหตุที่เขาถูกบุรุษมีกำลังแข็งแรง เอาแผ่นเหล็ก อันร้อนเป็น เปลวไฟลุกโพลงมีแสงโชติช่วง มานาบเข้าที่กาย หาได้เป็นเหตุให้เขา ต้องเกิดในอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ภายหลังแต่ความตาย เพราะ การทำลายแห่งกาย ไม่ ;
    ส่วนการที่เขา เป็นคนทุศีล มีความเป็นอยู่ลามก ไม่ สะอาด มีความประพฤติชนิดที่ตนเองนึกแล้วก็กินแหนงตัวเอง มีการกระทำที่ ต้องปกปิดซ่อนเร้น ไม่ใช่สมณะก็ปฏิญญาว่าเป็นสมณะ ไม่ใช่คนประพฤติ พรหมจรรย์ก็ปฏิญญาว่า ประพฤติพรหมจรรย์ เป็นคนเน่าใน เปียกแฉะ มี สัญชาติหมักหมม เหมือนบ่อที่เทขยะมูลฝอย, แล้วยัง (มีความคิดที่จะ) นุ่งห่ม จีวร ที่พวกกษัตริย์มหาศาล หรือพราหมณ์มหาศาล หรือคฤหบดีมหาศาล ถวายด้วยศรัทธานั้น ย่อมเป็นไปเพื่อความทุกข์ ไม่เกื้อกูลแก่เขา ตลอดกาล นาน
    ภายหลังแต่ความตาย เพราะการทำลายแห่งกาย เขาย่อมเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก.
๑. บาลี พระพุทธภาษิต สตฺตก. อํ. ๒๓/๑๓๒/๖๙, ตรัสแก่ภิกษุทั้งหลาย ที่โคนไม้แห่งหนึ่ง ในเขตประเทศโกศล.
(หมวดที่ ๑ ว่าด้วยการทุศีล ๑๗ )
อ่านเพิ่มเติม..ขุมทรัพย์ จากพระโอษฐ์
ก้าวย่างอย่างพุทธะ
หนังสือ “พุทธวจน ฉบับ ก้าวย่างอย่างพุทธะ
ได้จัดทำขึ้น ด้วยปรารภเหตุที่ว่า หลายคนยังเห็นคำสอน ของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า เป็นสิ่งที่ยาก หรือเป็นสิ่งที่ ไกลตัวเกินไป ทำให้มีน้อยคนนักที่จะหันมาใส่ใจศึกษาคำสอน ของพระผู้มีพระภาคเจ้า อย่างจริงจังทั้ง ๆ ที่พระองค์ได้ตรัส ไว้แล้วว่า คำสอนที่พระองค์ตรัสสอนทั้งหมดนั้น บริสุทธิ์ บริบูรณ์แล้วสิ้นเชิง อีกทั้งคำสอนนั้น ยังเป็นสิ่งที่เรียกว่า “อกาลิโก” คือใช้ได้ไปตลอด ไม่มีคำว่าเก่าหรือล้าสมัย และใช้ได้กับบุคคลทุกคน อันจะเห็นได้จากในสมัยพุทธกาล ที่พุทธบริษัท ๔ ทั้งหลายนั้นมีคนจากหลายชาติและวรรณะ นอกจากนี้พระองค์ยังได้ตรัสอีกว่า บุคคลที่ท่านตรัสสอนนั้น มีตั้งแต่
    พรหม เทวดา ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ไปจนถึงปุถุชนคนธรรมดาทั่วไป และทุกคนนั้น เมื่อนำ คำสอนของพระองค์ไปปฏิบัติแล้ว ก็สามารถแก้ทุกข์หรือ ดับทุกข์ให้กับตนเองได้ทั้งสิ้น.
คณะงานธัมมะ วัดนาป่าพง
กันยายน ๒๕๕๔

พุทธวจน: สื่อหนังสือ (คลิกเพื่อดาวน์โหลด)
พินัยกรรม ของ “พระสังฆบิดา” ภิกษุ ทั้งหลาย. ! บัดนี้ ตถาคต ขอเตือนพวกเธอทั้งหลายไว้ ว่า : “สังขารทั้งหลาย มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา. พวกเธอทั้งหลาย จงทำ ความไม่ประมาท ให้ถึงพร้อม เถิด” ดังนี้. นี่แล เป็นพระวาจาที่ตรัสครั้งสุดท้าย ของพระตถาคตเจ้า. คลิกอ่าน...ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์